วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พัฒนาระบบ


Water Fall Model 
แบบน้ำตก คุณลักษณะของน้ำตกเป็นขั้นตอนการทำงาน คล้ายสายงานการผลิต (Product Line) ข้อดีคือแบ่งงานเป็นส่วนและมีกำหนดการส่งมอบงานในแต่ละส่วนอย่างชัดเจน สำหรับข้อเสียคือหลักการเปรียบเสมือนกับน้ำตกไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ไม่สามารถไหลกลับมาในทางตรงกันข้ามได้อีก การพัฒนาระบบงานด้วยหลักการนี้ เมื่อทำขั้นตอนหนึ่งแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับมาที่ขั้นตอนก่อนหน้าได้อีก ซึ่งจะมองเห็นจุดอ่อนของหลักการนี้ว่า หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่ขั้นตอนก่อนหน้านี้แล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้ ดังนั้น การพัฒนาระบบด้วยหลักการนี้ จำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี เพื่อให้สามารถป้องกันการผิดพลาดได้มากที่สุด



ตัวอย่างของ Waterfall Model หรือ The Linear Mode












Adapted Waterfall น้ำตกปรับปรุงหรือน้ำตกที่สามารถย้อนกลับ เป็นรูปแบบในการพัฒนาระบบงานที่ปรับปรุงมาจากแบบ waterfall โดยในแต่ละขั้นตอนเมื่อดำเนินงานอยู่ สามารถย้อนกลับมายังขั้นตอนก่อนหน้าเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด








Spiral Model แบบจำลองนี้เหมาะสำหรับระบบงานที่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงบ่อยเนื่องจากในแต่ละเฟสนั้นจะมีการวิเคราะห์ความต้องการใหม่ และวิเคราะห์ความเสี่ยงว่าจะทำการพัฒนาต่อไปอีกหรือไม่ หรือจะเพียงพอแล้วกับเฟสนี้เท่านั้น สรุปได้ว่า SDLC แบบ Spiral มีลักษณะเป็นวงจรวิเคราะห์ - ออกแบบพัฒนาทดสอบ (Analysis – Design – Implementation – Testing ) และจะวนกลับมาในแนวทางเดิม เช่นนี้เรื่อยไป จนกระทั่งได้ Product ที่สมบูรณ์ การพัฒนาในรูปแบบนี้มีความยืดหยุ่นมาก






























Credit From:: http://www.macare.net/analysis/index.php?id=-8

Porter’s competitive forces model

Porter’s competitive forces model

       สภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจนั่น เราจําเป็นต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก ที่จะทําให้เรานั่นหาทางที่จะพัฒนากิจการของเรา โดยอาศัยทฤษฎีของ Porter's Five force Model

       ซึ่ง Porter's Five force Model นั่นคือ ปัจจัยหลักที่เป็นเเรงผลักดันทั้ง 5 หรือ ก็คือเป็นอุปสรรค์ในการทํากิจการ
    
       เราจะมาทําการวิเคราะห์ปัจจัยในเเต่ละตัว โดย

1.  คู่แข่งรายใหม่   ให้เราพิจารณาว่ากิจการของเราเป็นหลักว่าคู่แข่งจะสามารถเข้ามาตีตลาดแข่งกับเราได้ง่ายหรือยาก  ถ้าเข้ามาได้ง่ายจนเกินไปหรือเข้ามาในอัตราที่มาก  จะทําให้เรามีอุปสรรคเพิ่มมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

2.  สินค้าทดแทน   ให้เราพิจารณาว่ามีสินค้าทดแทนประเภทเดียวกันมากหรือน้อย  ดูต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแปลงการใช้สินค้าปัจจุบัน ไปสู่การใช้สินค้าทดแทน

3.  อำนาจต่อรองของผู้จำหน่ายวัตถุดิบ   ถ้าเราต้องพึงพิงวัตถุดิบของเขาเท่านั้น  แสดงถึงเขาจะอยู่เหนือเรา   เพราะเราต้องง้อเขา   ซึ่งจำนวนผู้ขายหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ ถ้ามีผู้ขายน้อยราย อำนาจต่อรองของผู้ขายจะสูง มีอิทธิพลเหนือผู้ซื้อทั้งในด้าน ราคา คุณภาพและเงื่อนไขการซื้อขายอื่นๆ

4.  อำนาจการต่อรองของลูกค้า   ปัจจัยนี้ จะเป็นอุปสรรคมากถ้าผลผลิตของเรามีลูกค้าไม่มาก  เราต้องง้อลูกค้า  เพราะอำนาจเป็นของลูกค้า โดยปริมาณการซื้อ ถ้าผู้ซื้อทำการสั่งซื้อในปริมาณที่มาก ย่อมมีอำนาจการต่อรองสูง

5.   การแข่งขันภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน  ตัวนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราจะต้องอยู่รอดต่อไปให้ได้ 
โดยจำนวนคู่แข่งขันในอุตสาหกรรม หากมีจำนวนมากหรือมีขีดความสามารถที่พอๆกันย่อมส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรง แต่อาจมีบางกรณีที่แม้จะมีจำนวนผู้ประกอบการน้อยราย และแต่ละรายมีสัดส่วนการครองตลาดใกล้เคียงกันก็อาจส่งผลให้มีการแข่งขันที่รุนแรงได้เช่นกัน













วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

SAP/ERP

SAP คือ โปรแกรมที่ช่วยจัดการสายงานทุกสายงานของธุรกิจให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ อย่างรวดเร็ว และได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถนำไปใช้ประกอบการดำเนินกิจกรรมของธุรกิจได้ และผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลสถานะของบริษัทได้ โดยทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับทรัพยากรขององค์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่ง SAP จัดเป็น ERP ประเภทหนึ่งนั้นเอง การทำงานในปัจจุบันจะเป็น R/3 (ทำงานแบบ Client/Server) โดยในส่วน Application ทั้งหมดของระบบ SAPนั้น ถูกพัฒนาขึ้นด้วยภาษา ABAP หรือ Advance Business Application Programming (ABAP/4 ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมในยุคที่ 4 หรือ 4GL เป็นคำที่เรียกใน SAP Release 3.0 ส่วนใน SAP Release 4.0 เป็นต้นไป จะเรียกว่า ABAP เนื่องจากมีการพัฒนาภาษาโปรแกรม ABAP เป็นแบบObject-Oriented มากขึ้น) ในส่วนของ Run Time หรือ Kernel ของระบบ SAP นั้นถูกพัฒนามาจากภาษา C/C++ ในส่วนของการ Implement ระบบ SAP นั้น จะมีการทำ Customization หรือ Configuration (จริงๆแล้วก็คือการกำหนดค่า Parameter ต่างๆ) ผ่านทาง Implementation Guide (IMG) เพื่อให้ระบบงาน SAP ทำงานได้กับองค์กรนั้นๆซึ่งก็คือ SAP เป็น ERP Software Package ที่มีการทำงานในส่วนของ Customization ในระบบ SAP ให้เข้ากับหน่วยงานนั้นๆได้

ERP (Enterprise Resource Planing) เป็นระบบซอฟท์แวร์ขนาดใหญ่ที่เอา

ไว้ใช้ในการวางแผนทางด้านต่าง ๆ เหมาะสำหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่และต้องการ
โปรแกรมควบคุมการจัดการที่มีประสิทธิภาพ 
         หลักการก็คือ การบันทึกของมูลลงเพียงครั้งเดียวแต่คนในบริษัทสามารถเปิด
ออกมาดูได้จากหลายๆแผนก จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน 
ส่วนค่าใช้จ่ายของการลงทุนติดตั้งค่อนข้างสูง หลักล้านเลยน่ะ ยิ่งสูงมากสำหรับค่า training 
ไม่มากนักที่บริษัทจะประสบความสำเร็จอย่างมากเทียบกับเงินลงทุน เพราะปัจจัย
บุคลากรที่ใช้ software ตัวนี้ ทำให้บางบริษัทล้มเหลวในการนำมาใช้ ส่วนตอนนี้ผู้นำด้าน 
software ทาง ERP ก้อจะเป็น oracle เพราะเค้ารวม software service provider ดังๆ 
ไว้หลายตัวด้วยกัน เช่น seibel อย่างที่ ais นำมาใช้ การออกโปรโมชั่นของเค้าก็นำข้อมูล
เหล่านี้ มาประมวลผลแล้วคิดกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า
         โปรแกรม Sap จัดการข้อมูลสินค้า,การบริการ,จัดระบบการ miantenace เต็มรูปแบบ 
ตัวโปรแกรม มี feature หลายๆ แบบ สามารถให้ user เขียนโปรแกรมขึ้นมาใช้งานอย่างเป็น
อิสระได้ ส่วนมากจะใช้กันในโรงงานอุตสหกรรม .ระบบขนส่งใหญ่ๆ โปรแกรมสามารถออกแบบ 
work order ,PO,Database,create stat ,measureing data อีกหลายๆอย่าง