วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

SOA (Service-oriented architecture)

Service-oriented architecture SOA ซึ่งก็คือ การสร้างและพัฒนา ซอฟต์แวร์โดยใช้แนวคิดของ โครงสร้างของธุรกิจสมัยใหม่ ซึ่งมาจากแนวคิดที่ได้รับอิทธิพลมาจาก แนวคิดแบบ "รูปแบบ เป็นผลมาจาก การใช้งาน" (form follows function)
SOA คือ ชุดของซอฟต์แวร์หนึ่งๆ ที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะที่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานโดยจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ระหว่างเฟส ของการพัฒนาระบบ (systems development) กับ การควบรวมการประมวลผล (integration in computing) ระบบใดๆ ที่ถูกออกแบบบนพื้นฐานของ SOA นั้น จะประกอบไปด้วยชุดของการปฏิบัติงานที่ทำหน้าที่เป็นตัวควบรวมการให้บริการ ซึ่งสามารถถูกนำมาใช้ได้กับระบบต่างๆที่หลากหลาย หรือ ระบบที่ถูกแบ่งแยกออกตาม หน่วยงานองค์กร หรือ ธุรกิจที่แตกต่างกัน
SOA ยังเป็นผู้จัดหาการให้บริการต่างๆให้กับผู้บริโภค เช่น web-based applications ที่ให้บริการในรูปแบบของ SOA-based services ตัวอย่างเช่น หน่วยงาน หรือ แผนกต่างๆที่ถูกแบ่งแยกภายในองค์กร สามารถนำ SOA service มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน โดยระบบจะควบรวมการปฏิบัติแม้แต่ภาษาในการพัฒนาโปรแกรมที่แตกต่างกันแต่ละแผนก ดังนั้น หน่วยงานย่อยต่างๆ จึงถูกเรียกว่า Client จะได้รับผลประโยชน์ในการใช้งานและเข้าถึงระบบได้อย่างสะดวก และ เป็นที่เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น XML จึงเข้ามามีบทบาท เป็นตัวทำหน้าที่เป็น interface ให้กับ ระบบ SOA service SOA ทำหน้าที่ รวบรวม แอปพลิเคชันต่างๆ ที่ถูกพัฒนาในภาษาที่ต่างกัน ที่อยู่ภายในองค์กรเดียวกัน ด้วยวิธีการ Web-based environment และสามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้กับแพลทฟอร์มที่หลากหลายด้วย ในการติดต่อระหว่างหน่วยงาน แทนที่จะใช้ API ในระบบ SOA ออกแบบหน้าจอ interfaceที่ทำงานด้วย Protocols และ functionality ประเด็นสำคัญคือ การใช้งานของระบบ SOA นั้นจะร้องขอ "loose coupling of services" ด้วย Operating systems และ เทคโนโลยีอื่นที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของแอปพลิเคชันเหล่านั้น SOA แบ่งฟังก์ชันออกเป็น หน่วยหรือ units หรือ การให้บริการ service อย่างชัดเจน ซึ่งผู้พัฒนาสามารถเข้าถึงได้ทางเครือข่ายในกรณีที่อนุญาตให้ผู้ใช้ สามารถใช้งาน ในการเพิ่มเติม หรือ นำข้อมูลกลับมาใช้ ในแอปพลิเคชันนั้นๆ
การให้บริการ และการสื่อสารกันระหว่างผู้ใช้ ด้วยวิธีการ ส่งต่อข้อมูลในลักษณะที่ถูกกำหนด และ สามารถใช้งานร่วมกันได้ ในลักษณะความร่วมมือในกิจกรรมการให้บริการหนึ่งๆหรือ มากกว่าก็ได้

SOA เห็นได้อย่างชัดเจนในรูปแบบหนึ่งของการทำงานในลักษณะ distributed computing และ modular programming ที่มีลักษณะเช่นเดียวกันกับ mashups, SaaS, และ Cloud Computing เหล่านี้เป็น ลูกหลานที่เกิดจากแนวคิดของ SOA

ข้อดี: 1.) ทำให้เซอร์วิสนั้นมีการถูกนำไปใช้ในซอฟต์แวร์อื่น ได้ง่าย  
            2.) ไม่ต้องมีการแก้โค๊ดให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันออกไป  

   ข้อเสีย: 1.) ในแง่ของผู้ให้บริการเซอร์วิส  ต้องมีการลงทุนเพิ่มเป็นพิเศษในการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้ถูกนำไปใช้ได้ง่าย
               2.)ต้องมีวิธีการที่ดีในการรองรับการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของซอฟต์แวร์นั้น   แต่ถ้าหากว่ามีจำนวนผู้เรียกใช้เซอร์วิสนั้นเป็นจำนวนไม่มาก และผู้ใช้เซอร์วิสเรียกใช้เซอร์วิสจากแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันออกไป การลงทุนนี้ก็จะไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไร

อ้างอิงจาก: https://th.wikipedia.org/wiki/Service-oriented_architecture

วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

Carbon Footprint & Green Technology

Carbon Footprint 
          การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก (Climate Change)  นับว่าเป็นประเด็นที่ผู้คนบนโลกใบนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง     หลังจากที่
มนุษย์มองปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงปัญหาที่วางทิ้งไว้ได้มาเป็นเวลานาน  อย่างไรก็ตาม ความตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
โลก ก็ยังไม่ทรงประสิทธิภาพเพียงพอในโลกของผู้ยึดมั่นกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้การประชุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
ที่กรุงโกเปนเฮเก็น ประเทศเดนมาร์ค   เมื่อปลายปีที่ผ่านมา  เป็นเพียงการเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas) จากการเดินทางของ
ผู้เข้าร่วมประชุมและกิจกรรมต่างๆ ของการประชุมเท่านั้นปรากฎการณ์เรือนกระจก (greenhouse effect) เป็นปรากฎการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นซึ่งแสดง
ให้มนุษย์เห็นว่ากิจกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของมนุษย์อย่างไม่สมดุล กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้เพียงใด โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการ
เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล (fossil fuel) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา  เป็นสาเหตุสำคัญที่ให้ความ
เข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดปราฏการณ์เรือนกระจก  หรือภาวะโลกร้อน (global warming)
          ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อนหรือรังสีอินฟาเรดได้ดี ก๊าซเหล่านี้มีความจำเป็น
ต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกให้คงที่  ซึ่งหากบรรยากาศโลกไม่มีก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ   ดังเช่นดาวเคราาะห์ดวงอื่นๆ  ใน
ระบบสุริยะแล้ว  จะทำให้อุณหภูมิในตอนกลางวันนั้นร้อนจัด  และในตอนกลางคืนนั้นหนาวจัด   เนื่องจากก๊าซเหล่านี้ดูดคลื่นรังสีความร้อนไว้ในเวลา
กลางวัน แล้วค่อยๆ แผ่รังสีความร้อนออกมาในเวลากลางคืน ทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศโลกไม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน  ทั้งนี้ มีก๊าซจำนวนมาก
ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน   และถูกจัดอยู่ในกลุ่มก๊าซเรือนกระจก    ซึ่งมีทั้งก๊าซที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเกิดจากกิจกรรม
ของมนุษย์ ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญคือไอน้ำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โอโซน มีเทนและไนตรัสออกไซด์ สารซีเอฟซีเป็นต้น แต่ก๊าซเรือนกระจก
ที่ถูกควบคุมโดยพิธีสารเกียวโต  มีเพียง 6 ชนิด    โดยจะต้องเป็นก๊าซที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ (anthropogenic greenhouse gas emission)
เท่านั้น  ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)    ก๊าซมีเทน (CH4)    ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N20)    ๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC)    ก๊าซ
เพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFC)  และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)   ทั้งนี้ ยังมีก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่สำคัญอีกชนิด
หนึ่ง คือ สารซีเอฟซี (CFC หรือ Chlorofluorocarbon) ซึ่งใช้เป็นสารทำความเย็นและใช้ในการผลิตโฟม แต่ไม่ถูกกำหนดในพิธีสารเกียวโต   เนื่อง
จากเป็นสารที่ถูกจำกัดการใช้ในพิธีสารมอนทรีออลแล้วกิจกรรมต่าง ของมนุษย์   กำลังเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ (อาจยกเว้นไอน้ำ)  การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน   น้ำมันและก๊าซ

ธรรมชาติ   รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  การทำการเกษตรและการปศุสัตว์ปล่อยก๊าซมีเทน และไนตรัสออกไซด์ 
ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ปล่อยก๊าซโอโซน  นอกจากนี้ กระบวนการแปรรูปอุตสาหกรรมปล่อยสารฮาโลคาร์บอน (CFCs, HFCs, PFCs) ออกมาอีก
ด้วยการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกนั้น  ส่งผลให้ชั้นบรรยากาศมีความสามารถในการกักเก็บรังสีความร้อนได้มากขึ้น ผลที่ตามมาคือ อุณหภูมิเฉลี่ย
ของชั้นบรรยากาศที่เพิ่มขึ้นด้วย  แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกนั้น  ไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งก๊าซเรือน
กระจกแต่ละชนิดยังมีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก (Global Warming Potential: GWP)  ที่แตกต่างกัน  ค่าศักยภาพในการทำให้เกิด
ภาวะโลกร้อนนี้  ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการแผ่รังสีความร้อนของโมเลกุล  และขึ้นอยู่กับอายุของก๊าซนั้นๆ ในบรรยากาศ  และจะคิดเทียบกับการ
แผ่รังสีความร้อนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง   ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ค่า GWP   ของก๊าซเรือนกระจกที่ระยะเวลา 100 ปี     โดย
กำหนดให้คาร์บอนไดออกไซด์มีค่า GWP 100 เป็น 1  และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ  ให้เทียบกับคาร์บอนได้ออกไซด์  เช่น มีเทน มีค่า GWP 100 เป็น 
21 ไนตรัสออกไซด์  310  ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน 140-11,700 และ ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ มีค่า GWP 100 เป็น 23,900  เป็นต้น

Credit: http://www.doa.go.th/pibai/pibai/n13/v_3-apr/ceaksong.html


Green Computer เครื่องคอมพิวเตอร์ที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอื่นๆ ประกอบไปด้วยพลังงานหน่วยประมวลผลศูนย์กลางที่มีประสิทธิภาพ (ซีพียู) เครื่องเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์เสริมเพื่อลดการทำงานของทรัพยากรและการจัดการเรื่องการสิ้นเปลืองของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Waste)
  • ให้ซีพียูและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน ลดการใช้พลังงานลง
  • ลดพลังงานและการจ่ายไปให้แก่อุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้ใช้งานนาน เช่น เครื่องพิมพ์เลเซอร์
  • ให้หันมาใช้จอภาพหรือมอนิเตอร์ในแบบ Liquid-Crystal-Display (LCD) แทนการใช้มอนิเตอร์ Cathode-Ray-Tube (CRT)
  • ถ้าเป็นไปได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปจะกินไฟและใช้พลังงานมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
  • ใช้ฟีเจอร์ Power-Management ให้ปิดการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และหน้าจอมอนิเตอร์หากไม่ได้มีการใช้งานติดต่อกันนานๆ หลายนาที
  • ใช้กระดาษให้น้อยที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ให้นำกระดาษกลับมาใช้งานหมุนเวียนอีก
  • ลดการใช้พลังงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เวิร์กสเตชัน เซิร์ฟเวอร์ เน็ตเวิร์กและข้อมูลส่วนกลาง

Green Data Center
ศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว คือ การใช้งานทางด้านการจัดเก็บข้อมูล การจัดการทางด้านข้อมูลและการแพร่กระจายของข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้พลังงานสูงสุดแต่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทั้งการออกแบบการคำนวณจะเน้นศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงและยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่น
  • ใช้อุปกรณ์ที่แผ่กระจายแสงได้น้อยๆ อย่างการปูพรม
  • การออกแบบที่สนับสนุนสภาพแวดล้อม
  • ลดการสิ้นเปลืองโดยการนำกลับมาใช้ซ้ำ
Credit: https://www.ksc.net/greenit/green_technology.html

วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

AJAX & SOAP

AJAX นั้นย่อมาจาก Asynchronous Javascript And XML
   โดย AJAX Technology ก็ว่าด้วยเรื่อง เทคโนโลยีที่ทําการรวมเอาความสมารถของภาษา Java Script , XML ,CSS ,XML เอาไว้ด้วยกัน ในการนําไปประยุกต์ใช้



SOAP นั้นย่อมาจาก Simple Object Access Protocol
   โดย เป็นโปรโตคอลมาตราฐานที่ใช้ใน Web Services ทําหน้าที่ในการติดต่อเเลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันของ Web Services สามารถทํางานร่วมกับโพรโตคอลได้หลายชนิด เช่น HTTP,SMTP,FTP,IIOP