วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

Carbon Footprint & Green Technology

Carbon Footprint 
          การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก (Climate Change)  นับว่าเป็นประเด็นที่ผู้คนบนโลกใบนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง     หลังจากที่
มนุษย์มองปัญหาดังกล่าวเป็นเพียงปัญหาที่วางทิ้งไว้ได้มาเป็นเวลานาน  อย่างไรก็ตาม ความตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
โลก ก็ยังไม่ทรงประสิทธิภาพเพียงพอในโลกของผู้ยึดมั่นกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้การประชุมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
ที่กรุงโกเปนเฮเก็น ประเทศเดนมาร์ค   เมื่อปลายปีที่ผ่านมา  เป็นเพียงการเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas) จากการเดินทางของ
ผู้เข้าร่วมประชุมและกิจกรรมต่างๆ ของการประชุมเท่านั้นปรากฎการณ์เรือนกระจก (greenhouse effect) เป็นปรากฎการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นซึ่งแสดง
ให้มนุษย์เห็นว่ากิจกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจของมนุษย์อย่างไม่สมดุล กระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้เพียงใด โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการ
เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล (fossil fuel) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา  เป็นสาเหตุสำคัญที่ให้ความ
เข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดปราฏการณ์เรือนกระจก  หรือภาวะโลกร้อน (global warming)
          ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อนหรือรังสีอินฟาเรดได้ดี ก๊าซเหล่านี้มีความจำเป็น
ต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกให้คงที่  ซึ่งหากบรรยากาศโลกไม่มีก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ   ดังเช่นดาวเคราาะห์ดวงอื่นๆ  ใน
ระบบสุริยะแล้ว  จะทำให้อุณหภูมิในตอนกลางวันนั้นร้อนจัด  และในตอนกลางคืนนั้นหนาวจัด   เนื่องจากก๊าซเหล่านี้ดูดคลื่นรังสีความร้อนไว้ในเวลา
กลางวัน แล้วค่อยๆ แผ่รังสีความร้อนออกมาในเวลากลางคืน ทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศโลกไม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน  ทั้งนี้ มีก๊าซจำนวนมาก
ที่มีคุณสมบัติในการดูดซับคลื่นรังสีความร้อน   และถูกจัดอยู่ในกลุ่มก๊าซเรือนกระจก    ซึ่งมีทั้งก๊าซที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเกิดจากกิจกรรม
ของมนุษย์ ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญคือไอน้ำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โอโซน มีเทนและไนตรัสออกไซด์ สารซีเอฟซีเป็นต้น แต่ก๊าซเรือนกระจก
ที่ถูกควบคุมโดยพิธีสารเกียวโต  มีเพียง 6 ชนิด    โดยจะต้องเป็นก๊าซที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ (anthropogenic greenhouse gas emission)
เท่านั้น  ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)    ก๊าซมีเทน (CH4)    ก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N20)    ๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC)    ก๊าซ
เพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFC)  และก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)   ทั้งนี้ ยังมีก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่สำคัญอีกชนิด
หนึ่ง คือ สารซีเอฟซี (CFC หรือ Chlorofluorocarbon) ซึ่งใช้เป็นสารทำความเย็นและใช้ในการผลิตโฟม แต่ไม่ถูกกำหนดในพิธีสารเกียวโต   เนื่อง
จากเป็นสารที่ถูกจำกัดการใช้ในพิธีสารมอนทรีออลแล้วกิจกรรมต่าง ของมนุษย์   กำลังเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ (อาจยกเว้นไอน้ำ)  การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน   น้ำมันและก๊าซ

ธรรมชาติ   รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่าทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  การทำการเกษตรและการปศุสัตว์ปล่อยก๊าซมีเทน และไนตรัสออกไซด์ 
ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ปล่อยก๊าซโอโซน  นอกจากนี้ กระบวนการแปรรูปอุตสาหกรรมปล่อยสารฮาโลคาร์บอน (CFCs, HFCs, PFCs) ออกมาอีก
ด้วยการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกนั้น  ส่งผลให้ชั้นบรรยากาศมีความสามารถในการกักเก็บรังสีความร้อนได้มากขึ้น ผลที่ตามมาคือ อุณหภูมิเฉลี่ย
ของชั้นบรรยากาศที่เพิ่มขึ้นด้วย  แต่การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกนั้น  ไม่ได้เพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งก๊าซเรือน
กระจกแต่ละชนิดยังมีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก (Global Warming Potential: GWP)  ที่แตกต่างกัน  ค่าศักยภาพในการทำให้เกิด
ภาวะโลกร้อนนี้  ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการแผ่รังสีความร้อนของโมเลกุล  และขึ้นอยู่กับอายุของก๊าซนั้นๆ ในบรรยากาศ  และจะคิดเทียบกับการ
แผ่รังสีความร้อนของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง   ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ค่า GWP   ของก๊าซเรือนกระจกที่ระยะเวลา 100 ปี     โดย
กำหนดให้คาร์บอนไดออกไซด์มีค่า GWP 100 เป็น 1  และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ  ให้เทียบกับคาร์บอนได้ออกไซด์  เช่น มีเทน มีค่า GWP 100 เป็น 
21 ไนตรัสออกไซด์  310  ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน 140-11,700 และ ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ มีค่า GWP 100 เป็น 23,900  เป็นต้น

Credit: http://www.doa.go.th/pibai/pibai/n13/v_3-apr/ceaksong.html


Green Computer เครื่องคอมพิวเตอร์ที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอื่นๆ ประกอบไปด้วยพลังงานหน่วยประมวลผลศูนย์กลางที่มีประสิทธิภาพ (ซีพียู) เครื่องเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์เสริมเพื่อลดการทำงานของทรัพยากรและการจัดการเรื่องการสิ้นเปลืองของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Waste)
  • ให้ซีพียูและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน ลดการใช้พลังงานลง
  • ลดพลังงานและการจ่ายไปให้แก่อุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้ใช้งานนาน เช่น เครื่องพิมพ์เลเซอร์
  • ให้หันมาใช้จอภาพหรือมอนิเตอร์ในแบบ Liquid-Crystal-Display (LCD) แทนการใช้มอนิเตอร์ Cathode-Ray-Tube (CRT)
  • ถ้าเป็นไปได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปจะกินไฟและใช้พลังงานมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
  • ใช้ฟีเจอร์ Power-Management ให้ปิดการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และหน้าจอมอนิเตอร์หากไม่ได้มีการใช้งานติดต่อกันนานๆ หลายนาที
  • ใช้กระดาษให้น้อยที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ให้นำกระดาษกลับมาใช้งานหมุนเวียนอีก
  • ลดการใช้พลังงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เวิร์กสเตชัน เซิร์ฟเวอร์ เน็ตเวิร์กและข้อมูลส่วนกลาง

Green Data Center
ศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว คือ การใช้งานทางด้านการจัดเก็บข้อมูล การจัดการทางด้านข้อมูลและการแพร่กระจายของข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้พลังงานสูงสุดแต่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทั้งการออกแบบการคำนวณจะเน้นศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรวมถึงเทคโนโลยีขั้นสูงและยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่น
  • ใช้อุปกรณ์ที่แผ่กระจายแสงได้น้อยๆ อย่างการปูพรม
  • การออกแบบที่สนับสนุนสภาพแวดล้อม
  • ลดการสิ้นเปลืองโดยการนำกลับมาใช้ซ้ำ
Credit: https://www.ksc.net/greenit/green_technology.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น